เที่ยวมาดริดในสองวัน

Palacio Real, Madrid รูปยืมมาจาก Weiling C. 

อาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสพาโยเซฟเพื่อนชาวเยอรมันเดินเที่ยวมาดริด แม้จะเคยอยู่ที่มาดริดถึงสามปี แต่นั่นก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว มาดริดที่เคยรู้จักเมื่อครั้งมาสเปนใหม่ๆ เปลี่ยนไปมากมาย ทุกอย่างดูสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ทันสมัย แต่ส่วนตัวแล้วชอบมาดริดเมื่อสมัยก่อนมากกว่า

พาเพื่อนเดินอย่างมั่นใจแล้วก็หลงทาง ฮ่าๆ แต่เก๊กทำท่าว่ามั่นใจไปถูก จนเพื่อนเริ่มจับพิรุธได้ควักมือถือที่มี GPS ด้วยมาหาแผนที่ ฮ่าๆ แต่บุญช่วยความโชคดีทำให้ถึงที่หมายก่อน App. จะหาเจอว่าเราอยู่ที่ตรงไหนของโลก หันไปมองเย้ยเพื่อนเป็นไงล่ะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าพาไปถูก

จริงๆ แล้วการเดินหลงทางเป็นการค้นพบที่ใหม่ๆ อย่างน่าสนใจ จริงๆ แล้วคือไม่ว่าจะไปไหนก็หลงประจำจึงต้องพยายามมองในแง่ดีไว้ก่อน

คราวนี้เพื่อนมีเวลาแค่สองวัน จึงต้องเลือกสถานที่ที่สำคัญๆ เตรียมรองเท้าใส่สบายๆ มาเดินนะคะ วันที่เราเดินเล่นอากาศดีมากและแดดเป็นใจถ่ายรูปออกมาสวยเชียวค่ะ รูปที่ถ่ายนี่เป็นฝีมือของ Josef ล้วนๆ นะคะ บางรูปก็ไปหยิบยืม Jary มานะคะ

จากสนามบิน Barajas (อ่านว่าบาราคัส) สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเข้าเมืองได้ค่ะ ถูกประหยัดและรวดเร็ว แต่ระวังพวก Pickpocket หน่อยนะคะ เวลาปิดเปิดของรถไฟฟ้านะคะ 6:00 - 1:30 a.m. ถ้าเครื่องบินถึงเวลาที่เมโทรเปิดอยู่ก็นั่งเมโทรได้ค่ะ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว (sencillo) 1.50 euros ถ้ามากันหลายก็ซื้อตั๋วสิบครั้งก็ได้ค่ะ (Metrobus) 9.30 euros

เมโทรจากแอร์พอร์ตไม่ว่าจะเข้าจะออกเราต้องซื้อ suplemento นะคะ เช่น จากแอร์พอร์ตเข้าเมืองถ้าซื้อตั๋วเที่ยวเดียวก็ต้องเลือก + suplemento 1 euro ถ้าซื้อเมโตรบุสสิบเที่ยว ก็ใช้บัตรเดียวกันเสียบเข้าไปในเครื่องเติมค่า suplemento ถ้าใช้ด้วยกันสามคนก็เติมไปทีเดียว 3 suplementos ได้ค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมไปดูในเวบของ Metro Madrid มีภาษาอังกฤษแปลให้เรียบร้อยค่ะ

ที่ท่องเที่ยวของมาดริดส่วนใหญ่อยู่กลางเมืองค่ะ ถ้าหาที่พักก็หากลางๆ เมืองก็ดีค่ะ แต่เลือกที่ไม่ติดถนนใหญ่มากเกินไปนะคะเพราะเสียงจะดัง หากมีเวลาไม่มากอยากรู้จักมาดริดแบบพอหอมปากหอมคอ สองวันก็พอค่ะ แต่ถ้าชอบพิพิทธภัณฑ์ก็อาจจะเพิ่มวันเข้าไปอีกได้ค่ะ เพราะมาดริดที่เป็นไฮไลท์คือ Museo de Prado และ Museo de Reina Sofia แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็สองวันเหลือเฟือค่ะ

นอกจากพิพิทธภัณฑ์ที่พลาดไม่ได้คือ night life ค่ะ บรรยากาศดีมากไม่น่ากลัวและดูอันตรายเหมือนกรุงเทพฯ นะคะ คนปกติทุกคนไปกันค่ะ ส่วนคนไม่ไปเพราะอายุมากกับไม่มีเพื่อน ฮ่าๆ เรื่องนี้จริงๆ นะคะ แต่ก่อนยังไม่มีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ไปทีจะเป็นลม เพราะเหม็นควันและกลับมาบ้านต้องอาบน้ำสระผมรุนแรงเสื้อผ้าก็เหม็น ตอนนี้สะอาดสบายไร้ควันค่ะ ควรไปนะคะ ใครที่ปกติขายไม่ออก นี่ล่ะค่ะโอกาสทอง

สถานที่เที่ยวกลางวันนะคะได้แก่

Fuente de Cibeles และที่ทำการไปรษณีย์กลาง

ที่อนุสาวรีย์ซิเบเรสนอกจากสวยและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมาดริดแล้วนะคะ ชาวแฟนบอลของเรอัลมาดริดต้องรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเวลาได้แชมป์เมื่อไรชาวแฟนเรอัลมาดริดผู้ภักดีก็จะรวมตัวกันที่นี่เพื่อฉลองชัยชนะด้วยกันค่ะ

หากเดินลงไปด้านขวาของไปรษณีย์กลางจะเจอ Museo del Prado Caixa Forum และ Reina Sofia ค่ะ ใครชื่นชอบผลงานจิตกรรมของ Velazquez, Goya, Grego, etc... ก็ไปปราโดค่ะ ถ้าชอบแบบร่วมสมัย Picasso หรือ Salvador Dalí ก็ไปเรอินา โซเฟียนะคะ ส่วนใครชอบของฟรีก็ไป Caixa Forum ยังมีพิพิทธภัณฑ์ทีเซ่นที่เป็นคอเล็กชั่นของเอกชนอยู่บนถนนเดียวกันอีกค่ะ จะดูให้หมดนี่แบบละเอียดคงต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์นะคะ ขอแนะนำว่าเลือกงานที่เราอยากดู แล้วไปดูเฉพาะผลงานนั้นๆ จะไม่เหนื่อยและรู้สึกว่ามันสวยค่ะ ไม่งั้นจะปวดหลังปวดเท้าหิวข้าวหิวน้ำ ภาพที่สวยเมื่ออยู่กันเยอะๆ เราก็จะรู้สึกเหมือนกันหมดไม่สวยละ ยกเว้นใครชอบจริงอาจจะ ว้าววววว สวรรค์ของเรา แล้วแต่ชอบนะคะ

Caixa Forum อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ Prado ค่ะ ชอบมากเพราะเข้าฟรี

ที่ต่อมานะคะคือ Puerta del Sol เปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ คงไม่พ้นสยามสแควร์ เซ็นทรัลเวิร์ดค่ะ

La Puerta del Sol ยามค่ำ คนก็ยังเยอะอยู่ดี

ที่โซลนอกจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งและเป็นที่ตั้งของที่ทำงานของผู้ว่าฯ มาดริดนะคะ (Ayuntamiento de Madrid) ที่ด้านหน้าของอยุนตาเมียนโตเริ่มกิโลเมตรที่ศูนย์ค่ะ ที่สำคัญคือเชื่อกันว่าใครเหยียบจะได้กลับมาใหม่ ไปทีไรก็ต้องไปกระทืบๆ (ไม่แค่เหยียบ กลัวไม่ขลังอ่ะค่ะ)

กิโลเมตรที่ 0 ดูได้นะคะว่าขณะถ่ายรูปเท้ายังเหยียบ (Gracias Jary por las bonitas fotos)

ไม่ไกลกันนัก ในปลาซ่าเดียวกันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สัญลักษณ์ของมาดริด หมีกินต้น Madroño เดิมอยู่ตรงข้ามกับก.ม.ที่ศูนย์เลยค่ะ เดินข้ามถนนมาจะเจอคนมากมายยืนอยู่รอบๆ เจ้าหมี เพราะเป็นจุดนัดพบของชาวมาดริด เวลานัดเจอกันกลางเมืองที่โซลทุกคนจะพูดเหมือนกันหมดว่าเจอกันตรงหมีนะจ๊ะ ปัญหาคือ หากันไม่เจอค่ะ ฮ่าๆ เพราะคนยืนรอกันเพียบ สนุกดีนะคะ เพราะไปแล้วก็เดินดูหน้าคนที่มายืนรอกันไปมาว่าใช่เพื่อนตูป่าวหว่า

El Oso y el Madroño ตั้งแต่ย้ายที่มามีแต่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป
ไม่ค่อยเห็นคนมายืนออรอเพื่อนกันเหมือนแต่ก่อน

คาดว่าแต่ก่อนมาดริดน่าจะหมีเยอะมั๊งคะ จึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ตอนนี้มีแต่ในสวนสัตว์นะคะ 

เดินไปตามถนน Mayor ก็จะเจอกับ Plaza Mayor สวยเรียบๆ เงียบๆ แต่รอบๆ มีอะไรน่าสนใจมากมายค่ะ โดยเฉพาะร้านค้าโบราณทั้งหลาย ของเขาแปลกตาดีค่ะ

Plaza Mayor ไปขโมยรูปในเวบของชาวบ้านมาค่ะ

เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ Opera และ Palacio Real ขอสารภาพผิดว่าไม่ได้พาโยเซฟไปค่ะ เพราะว่ากลางคืนไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนและออกเที่ยวกลางคืนสองคืนซ้อนสภาพไม่เป็นผู้เป็นคน จึงหลอกไปสวนเรติโร่ Retiro นอนหลับกลางวันกันกลางสนามหญ้าแดดร่มลมตก โอเคเลยค่ะ เขาไม่บ่นไรใช้ได้ ฮ่าๆ

สวนเรติโรก็เดินไปไม่ไกลจากซิเบเลสนะคะ ไปทาง Puerta de Alcalá ค่ะ 

Parque del Retiro มีโต๊ะพ่อหมอแม่หมอดูดวงกันคึกคัก หรือจะพายเรือก็ได้นะคะ

แล้วก็หิวค่ะ เดินกันท้องกิ่วก็พากันไปหาอะไรอร่อยๆ กินแถว Plaza de Santa Ana ร้านที่พาไปแต่ก่อนไปบ่อยมากเพราะอร่อยราคาไม่แพง แต่ตอนนี้แพงแล้วค่ะ เราไม่แนะนำ ฮ่าๆ

Plaza de Santa Ana กลางคืนมากินปิ๊นโช่ Pinchos บรรยากาศแถวนี้ก็ไม่เลวค่ะ

หน้าตาอาหารที่เรากินค่ะ มีเบียร์อีกสองแก้ว แค่นี้ล่อไป 35 euros แพงไปหน่อยนะจ๊ะ

สิ่งที่กินคือ กุ้งกระเทียม ปลาหมึกทอด และพริกย่าง Pimientos de Padron ใครลองชอบทุกราย

อิ่มแล้วก็ไปเดินถนนสวยๆ กันค่ะ

ฮ่าๆ บอกไม่ได้ว่าที่ไหน เพราะกำลังหลงค่ะ

หัวถนน Gran Vía ค่ะ 

ยังมีที่อื่นๆ ที่สวยๆ แต่ไม่ได้พาเพื่อนไป เพราะมัวแต่นอนตื่นสายกันน่ะค่ะ ไปยืมรูปเพื่อนๆ มาแปะให้ดูนะคะ

Templo de Debod วัดอียิปต์ค่ะ อยู่ใกล้ๆ สวนเรติโร่ (Gracias Weiling por las fotos).

ไปเที่ยวแบบไม่ได้เตรียมตัว แม้แต่กล้องยังไม่ได้เอาไป เลยยืมรูปคนอื่นมากมายเลยค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ post อะไรใหม่ๆ เลย จะพยายามไม่ขาดตอนนะคะ